1.ถั่ว ถั่วทุกชนิด รวมไปถึงเมล็ดต่าง ๆ เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดแตงโม เมล็ดฟักทอง ล้วนแต่มีทริปโตเฟน ที่ส่งผลดีต่อการสร้างเซโรโทนิน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยระบุว่า การกินถั่วหรือเมล็ดพืชวันละหนึ่งกำมือ จะลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และยังมีไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

2.เต้าหู้ เต้าหู้และผลิตภัณฑ์จากเต้าหู้ ไม่ว่าจะเป็น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ก้อน นอกจากจะเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี เหมาะกับคนที่กินมังสวิรัตแล้ว ยังอุดมไปด้วยทริปโตเฟน สารที่จำเป็นต่อการสร้างเซโรโทนินในร่างกาย

3.ปลาแซลมอน เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่นอกจากรสชาติจะดีแล้ว ยังดีต่อร่างกายอีกด้วย แซลมอนมีทริปโตเฟน ที่ช่วยเพิ่มเซโรโทนินในร่างกาย นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยไขมันดี ที่ดีต่อหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

4.ขมิ้น ได้ชื่อว่าเป็นยารักษาโรคซึมเศร้าตามธรรมชาติ เพราะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างฮอร์โมนแห่งความสุขอย่างเซโรโทนินและเอนโดรฟีน ช่วยขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ Monoamine Oxidase ที่ทำให้อารมณ์แปรปรวน

5.กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีรสหวาน อุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติที่ช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกายรู้สึกกะปรี้กะเปร่า ที่สำคัญคือมีสารทริปโตเฟนสูง จึงเป็นอีกหนึ่งอาหารที่ช่วยให้ร่างกายสร้างเซโรโทนินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.อะโวคาโด

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ได้ชื่อว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ด อุดมไปด้วยไขมันดี ดีต่อหัวใจ ที่สำคัญคือมี แมกนีเซียมและไพริดอกซีน สารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตเซโรโทนินในร่างกาย

7.ปลาทูน่า

อุดมไปด้วยวิตามินบี ที่จำเป็นต่อการควบคุมกิจกรรมในระบบประสาท และยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการผลิตเซโรโทนิน สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า การกินปลาทูน่าจะช่วยให้รู้สึกดี และร่างกายมีพลังงานมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดีการทางอาหารที่มีคุณประโยชน์ไม่ใช่วิธีรักษาโรคซึมเศร้าแต่เป็นการดูแลสุขภาวะที่มีคุณภาพด้วยการเลือกสารอาหารที่ดีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงไปสู่โรคซึมเศร้านั่นเอง